Friday, March 9, 2007

Swensens ทำผมเซ็งอีกแล้วครับ

Strawberry fifty Nine ทำผมเซ็ง : ไปกับเพื่อน 3 คนครับ คนก็เยอะตามสไตล์แหละครับ วันศุกร์ 16 กุมภาพันธ์ 2550 สามทุ่มครึ่งครับ แต่คนเต็มร้านเลย

1. ผมต้องหาที่นั่งเอาเอง เพราะพนักงาน เสริฟ ไม่ว่าง และ ไม่แสดงอาการต้อนรับ เลย เพราะยุ่งอยู่กระมัง แต่ว่า ขอให้หันหน้ามาแสดงอาการรับรู้หน่อยไม่ได้เหรอว่าลูกค้าเดินเข้ามาแล้ว แล้วก็ทำหน้าแบบว่า อ๊ะ..สักครู่นะครับ เดี๋ยวจะรีบเคลียร์โต๊ะให้ เงี้ย แต่ว่าไม่มีครับ

2. ไอ้เพื่อนผมเดินไปจนเลยกลางร้าน ก็ไม่มีการเข้ามาต้อนรับ มันมองหาโต๊ะเอาเอง แบบคนไม่สนใจเรื่องของการบริการ เนื่องจากเห็นว่าคนเยอะ



3.เพื่อนสั่งได้รวดเร็ว เพราะ









มันเลือกกันมาแล้ว ผมก็กำลังจะหาสั่งอย่างอื่น ที่ไม่เหมือนกับพวกเพื่อนๆ แต่ว่า พนักงาน (คนในรูปนั้นแหละครับ หน้าหงิกมากๆ ขอบอกครับว่า เห็นได้ชัดเลยว่า หน้าบึ้ง) สุดท้ายผมก็ต้องเลือกไอ้ 59 Strawberry ทั้งๆ ที่ว่าจะสั่งอย่างอื่น ซึ่งราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ (อดได้รายได้ผมไปอีกนิดนึง ) แต่ลองคิดดูว่า ถ้าขาดรายได้ไป 30 บาทต่อคน วันนึงลุกค้าซัก 100 คน ก็ 3000 บาทแล้วนะครับ ผมไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเลือกรส ผมต้องบอกว่า เอาไอ้สามรสที่ติดบนป้ายนั่นแหละครับ (แสดงอาการเล่น ๆ เพื่อพยายามจะลดความตึงเครียดของคุณพนักงานสูงศักดิ์(กว่าลูกค้า) แต่เขาก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วก็กลับมาบึ้งอีก

4. ไอศกรีมมาถึง แล้วก็อย่างที่เห็นน่ะครับ ละลายมาเลย แย่ครับ รู้สึกแย่ ไปเลย ทั้ง 3 แก้ว ละลายมาหมด ไม่ได้เป็นก้อนมาเลย เป็น แค่ก้อนเหลว ๆ น่ะครับ












































Happiness Never Melt !!! เป็นไงครับ Slogan บน Tiisue ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมเห็น และ รูปที่ผมถ่ายได้เลยครับ ก็ถือว่าเป็นเสียงหนึ่งของผู้บริโภคผู้ จุกจิกกับงานบริการ นะครับ













Thursday, March 8, 2007

MK เปลี่ยนเครื่องแบบเป็นสีบานเย็น..แล้วครับ

ไม่ได้กิน MK เสียนาน 16 Feb 2007 17.42 ไปนั่งกิน MK กันกับเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันนาน หลังเรียนจบ MK เปลี่ยน เครื่องแบบพนักงานเป็นสีชมพูบานเย็น แล้วก็ เปลี่ยนจากกระโปรงเป็นกางเกงขาสามส่วน
ผม : เขาเปลี่ยนเครื่องแบบมานานหรือยังครับเนี่ย ผมไม่ได้สังเกตุเลย..
พี่พนักงาน MK : เปลี่ยนมาได้ซักประมาณ 2-3 สัปดาห์แล้วค่ะ...แล้วพี่เขาก็ทำหน้าเขิน ๆ
(คงไม่ค่อยมีใครกล้าถามมั้งครับ ) แล้วพี่เขาก็บอกว่า..อ่า..สีมันสดไปหรือเปล่าคะ..?
ผม: ไม่สดไปหรอกครับ สวยดี
ผม : เปลี่ยนเป็นกางเกงด้วยเหรอครับ อย่างนี้ก็เดินเหินได้คล่องหน่อยมั้ยครั
พี่พนักงาน MK : ค่ะ ก็สะดวกขึ้นค่ะ
ผมว่า MK นี่ก็ขยันพัฒนาองค์กรเหลือล้ำจริงๆ เลยนะครับ คือดูเป็นองค์กรที่กระฉับกระเฉง แบบผู้ใหญ่ซักวัย 30 ต้น ๆ น่ะครับ คือมีความสุภาพ สุขุม แล้วก็มีมาตรฐานในการทำงาน เสมอ แต่ก็ยังคงแฝงความขี้เล่นแบบเด็ก ๆ ไว้นิด ๆ ให้ดูผ่อนคลาย แล้วก็ ยังเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใกล้ชิดลูกค้าได้ดีเสมอ ๆ

มิน่า...กว่าจะได้กิน...หลาย ๆที่รอคิวกันสุดชีวิต..

ปล..เห็นรูปรองเท้าที่วงสีแดง ๆ มั้ยครับ นั่นน่ะ...เป็นรองเท้าเด็กนักเรียนไม่ใช่เหรอครับ..แต่ว่าพี่พนักงาน MK ใส่กันทุกคนเลยครับ

อีกรูปนั่น.....รองเท้าเด็กนักเรียนของแท้ครับ ม.ปลาย อาจจะเป็น นักเรียน หอวัง...เดินผ่านไปครับ..





พนักงานขาย ว่างงานทั่วหน้า



หลังจากดูหนังที่ SF Cinema ลาดพร้าว เสียอารมณ์ไปแล้ว..ก็ไปเดินเล่นอีกนิดหน่อย ลงบันไดเลื่อนมา...เฮ้อ...เห็นภาพนี้แล้วก็สงสารนะครับ เศรษฐกิจบ้านเรานี่ถ้าจะย่ำแย่เสียจน พนักงานขาย ขายสินค้าไม่ออกกันเลยทีเดียว .....รวมกลุ่มกันได้ขนาดนี้...อืม... ไม่ได้โม้นะ..มีหลักฐาน...เอ๊ะ..หรือเขาประชุมกันว่าจะหากลยุทธ ยุทธวิธี (กลยุทธวิธี, กลยุทธวิถี เคยมีใครบัญญัติคำนี้มั้ยครับ) หาทางเพิ่มยอดขายกันอยู่...ไอ้ลูกค้าว่างงาน อย่างผมก็เม้าท์ซะงั้น...ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ..ถ้านายจ้างมาเห็นเข้า ก็อย่าไปว่าเขาล่ะครับ..ลูกค้าไม่มีนี่นา..จะให้ยืนเฝ้าของไร้ชีวิตอยู่ ก็กระไร...

พ่อค้าแม่ค้า ลูกค้าหลักของน้ำแดงจริง ๆ นะ


ไม่เชื่อดูสิครับ...อืม...เจ้าของพื้นที่น่าจะมีแบบว่า เช่าพื้นที่วันนี้ แถมฟรีน้ำแดงทุกวัน เงี้ย...ซื้อน้ำแดงแบบรวม ๆ มา แล้วมาแบ่งแจก แต่ว่าได้ใจพ่อค้าแม่ค้าอีกหน่อยนะเอ้า...อิอิ ยังไงก็ต้องซื้ออยู่แล้ว ก็มาซื้อจากเจ้าของที่ไปเลย..กำไรนิดหน่อย แต่จะได้รู้เรื่องราวต่าง ๆ จากเจ้าของพื้นที่นะ คือ ใกล้ชิดกับลูกค้าที่มาเช่าที่เราอ่ะ....เพื่อการพัฒนาการให้บริการได้นะครับ

เมื่อผมต้องเจอกับคนเกือบ 50 คน ที่ป้ายรถเมล์เดียวกัน

เยอะเหลือเกิน คนกรุงเทพฯ ทำไมมันเยอะอย่างนี้ครับ แอบถ่ายมาอีกแล้ว กลัวว่าเขาจะว่าเอา...แต่รับรองได้ครับว่า ถ้ามาเจอสภาพแบบนี้ที่ป้ายรถเมล์ผมก็ตกใจแหละครับ วันนั้นไม่ใช่วันพิเศษอะไรเลยด้วย 5 กพ 2550 07.56 นาที เนี่ยครับ คือ มันก็จะแปดโมงแล้วนะ รถก็ไม่ได้ชนกันนะ (จากซอยลาดพร้าว 42 ย้อนไปจนถึงรถใต้ดินสถานีลาดพร้าว (ประมาณ 3-4 ป้ายรถเมล์)

ปกติใครเจอสภาพนี้บ่อย ๆ มั่งอ่ะครับ พอดีผมไม่เคยเจอคนอีก เกือบ 50 คนที่ป้ายรถเมล์เดียวกันอ่ะครับ...เฮ้อ...วันนี้บ่นแค่นี้ดีกว่า..ใครมีรูปเยอะกว่านี้ แน่จริงมาอวดหน่อยจิ่

Wednesday, March 7, 2007

ดู BABEL กับ SF Cinema :ตั๋วโคตรซีดเลย

วันนี้ตอนเย็นหลังสอบ Toeic แล้วก็นัดเพื่อนไปดูหนังเรื่อง BABEL กัน ประเด็นอยู่ที่ว่า
อยากดูหนังที่เพื่อนบอกว่า เขาวิจารณ์ว่าเป็นหนังที่ Brad Pitt รับบทบาทที่ดีที่สุดในชีิวิตแล้ว และ ก็หนังได้เข้าชิง Academy Award ด้วย มันก็คืออันเดียวกับรางวัล Oscar แหละนะครับ ปีนี้ครั้งที่ 79 แล้ว

ไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Oscar ได้ที่ http://www.oscar.com/ นะครับ
คือ ยืนรอเพื่อนซื้อตั๋ว เลยจับผิดโปสเตอร์หนังได้ครับ ดูไล่จากภาพแรกมุมไกล
Zoom เข้าไปอีกหน่อย
Zoom สุด ๆ (เท่าที่มือถือ Nokia 6630 จะอำนวยแล้วนะครับ)
คำว่าการสูญเสียพิมพ์ผิดน่ะครับ











































ระหว่างรอเข้าโรงหนังนั้น....ขอตั๋วเพื่อนจะดูว่าฉายโรงไหน (ปกติ เราควรจะดูโรงหนังที่จะฉาย ตั้งแต่ตอนจองหนังแล้วไม่ใช่เหรอ..) แต่ว่า...คนส่วนใหญ่จะมาดูกันอีกทีตอนจะเข้าโรงหนังหรือเปล่าครับ
คือผมเป็นพวกดูแค่ตอนจะเข้าโรงหนังแค่นั้น ตอนซื้อไม่ดูน่ะครับ เลยจะถามหาพวกซะหน่อย

































ตั๋วของ SF Cinema นี่เป็นเพราะมันต้องการลดต้นทุนการผลิตหรือว่า อะไรอ่ะครับ ผมว่ามันไม่ได้พิมพ์จางแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวมั้งครับ สงสัยเอาค่าน้ำหมึก ไปทำ Magnet แจก อยู่กระมัง
ผมในฐานะผู้บริโภค ..รู้สึกว่า จ่ายเท่ากันกับตั๋วหนังที่ Major Cineplex แต่ตั๋วชัดเจนกว่า (เพื่อนผมมันสะสมตั๋่วหนังที่มันได้ดูน่ะครับ มันเลยเซ็ง ๆ ว่า ตั๋วไม่ชัดเลย ไม่สวยอ่ะ)
เผลอ ๆ ค่าตั๋ว SF Cinema แพงกว่าด้วยป๊ะครับ ผมไม่ค่อยจะได้ดูโรงเท่าไหร่ ถึงดูก็ไม่ค่อยจำราคา จำได้แค่ว่าประมาณ 100 บาท นี่ก็นิสัยเสียของผมอีกข้อหนึ่ง ไม่ค่อยจะจำอะไรที่สำคัญ กับการใช้จ่าย และ การใช้ชีิวิตของตัวเองเอาซะเลย

หยอดเหรียญรถไฟฟ้าใต้ดิน อีกแระ ขอวิจารณ์หน่อยเห๊อะ

















ไหน ๆ ก็ใช้บริการรถใต้ดินแล้วอ่ะนะครับ ก็เลยมาขอวิจารณ์นิึดนึงแล้วกันครับ

1. ช่องรับเงินทอนมันกว้างมากเลยครับ คือ เวลาใช้งาน เมื่อใส่ธนบัตร (หรือหยอดเหรียญ) เข้าไปแล้ว เหรียญโดยสารก็จะไหลออกมาทางช่องนี้ แล้วก็ เงินทอน ก็จะไหลออกมาทางช่องเดียวกัน ทีนี้ปัญหาของผมคือ....เหรียญที่ไหลลงมาทางด้านซ้ายมือของเรา มันดันกระเด็นกระดอนไปอยู่มุมขวา
ส่วนไอ้เงินทอนที่ไหลออกมา มันก็กระจายตัวได้อย่างดีเยี่ยม ประหนึ่งเหรียญสิบเหล่านั้นทำตัวเป็นสสารในสภาพก๊าซ...

ผลที่ได้คือ...คนข้างหลังผม...มองผมดิ่...แบบสายตาประมาณว่า..มรึงจะควานหาอะไรขนาดนั้นฟะ...ก็มันหาไม่เจอจริงๆ นี่หว่า...

ระวังนะครับ ตรวจนับเงินทอนกันด้วย ไม่ต้องกลัวอาย..ผมว่าใคร ๆ ก็มีปัญหานี้เหมือนกันแหละน่ะ
(หรือเปล่าหว่า)
















นอกจากนี้ เก็บมาฝากนิดนึงครับ ว่า โทรศัพท์สายตรงบริเวณชานชาลา ใช้ติดต่อพนักงานในกรณีฉุกเฉินได้ทันทีที่ยกหูโทรศัพท์ ............ดังนั้น อย่าสะเหร่อไปยกเล่นกันล่ะครับ ...คือผมว่า พวกชอบเล่นนู่นนี่ มันก็มีอยู่ครับ ก็ไม่ได้ว่าอะไรกันครับ
เด็กซนคือเด็กฉลาด วัยรุ่นซน ก็วัยคะนอง ผู้ใหญ่ซน .....ผมน่าจะเป็นพวกหลังสุดเีนี่ยแหละครับ

ก็แบบว่าหากฉุกเฉิน (ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกิดการชน...มานานแล้วก็ตามเถอะครับ เผื่อต้องใช้) ก็ฝากนึกถึงไว้ ถ้าต้องการติดต่อพนักงาน ก็มองหากันดูนะครับ ตามชานชาลา รถใต้ดิน

หนึ่งคน 2 มือ (ถือ) อันนึงไว้โทรออก อันนึงไว้รับสาย
















วันนี้อยู่บนรถเมล์ เห็นคนหนึ่ง สายเข้า (ปล. ถูกเพื่อนยิงมาให้โทรกลับ) ก็ต้องรีบควักโทรศัพท์จะรับ รับไม่ทันไอ้มือยิงคนนั้น เขาก็ต้องควัก มือถือ อีกเครื่องหนึ่ง ขึ้นมา อ่อ มันเป็น pct ครับ คือ pct เนี่ย ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ไม่รู้มันจะทำให้ mem เบอร์ยากขนาดนั้นทำไม เขาก็เลยต้องดูเบอร์จากมือถือ แล้วก็กดโทรออกด้วย pct

โอ้ว....พระเจ้า...ผมว่า คุณแม่ผมที่ต่างจังหวัด คงไม่เจอกับเหตุการณ์พัลวัน ขนาดนี้เป็นแน่แท้



เมื่อก่อน ไม่ค่อยจะมีมือถือ
ต่อมา เริ่มมีกันครบ คนละเครื่อง
ตอนนี้ คนเมือง เริ่มมีเครื่องที่สองกันแล้ว



ทำไมผู้ให้บริการมือถือ มันไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคได้นะ ...เคยนึกกันมั้ยครับ คือ
ไอ้โปรไว้โทร ก็ให้พวกบ้าโทรเกินไป
ไอ้โปรไว้รับ ก็แหม..นานดีเหลือเกิน
ก็ไม่รู้จะเอาเวลาไปแจกซิมฟรีให้เขามาเปิดเบอร์ำทำไมนะ...ไม่เข้าใจอ่ะ..ใครรู้เหตุผลการแจกซิมเยอะ ๆ แล้วระบบรองรับไม่ได้แบบนี้บ้างอ่ะครับ

กลับบ้านมาเหนื่อย ๆ แต่ทำไมคนขับรถเขาไม่เหนื่อยมั่งนะ

เคยคิดกันมั้ยครับว่าเราทำงานนั่งออฟฟิศ ไม่ได้วิ่งไปวิ่งมาซะหน่อย แรงที่ออก ก็แค่กดปุ่มเครื่องถ่ายเอกสาร กับ ออกแรงกด keyboard computer , ตกเย็นมา ไม่มีเวลา ไม่มีเรี่ยวแรง จะทำอะไรให้ตัวเราเองมีความสุขเลย....

ที่วันนี้พูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่า..วันนี้ เหนื่อยครับ (เหนื่อยจริง ๆ นะเอ้า อิอิ) คือ เดินกลับบ้าน จากป้ายรถเมล์ ผ่านท่ารถสองแถว (อันนี้มันคันใหญ่่อ่ะครับ มันสองแถวหรือเปล่าอ่ะครับ หรือเขาเรียกว่ารถอะไร..)
แอบถ่ายคุณลุงคนขับรถ...นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ แบบสบายใจเฉิบอ่ะ...คือ
ท่ารถนี้น่ะครับ ผมเคยนั่งไปโลตัสวังหินนะ 5-6 บาทเองครับ มีคนนั่งไปกับผม แค่ 5-6 คนแค่นั้นจริง ๆ ครับ ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ได้อย่างไรกันอ่ะครับ















ที่จะบอกก็คือ คนที่เขาทำงานกับฝุ่นกับควัน กับการต้องเหนื่อยกายขนาดนี้ แล้วไม่รู้ว่าจะมีรายรับเท่าไหร่ เนี่ย คุณลุงเขายังหาเวลา เพิ่มความสุขให้กับตัวเองได้เลยครับ
เราจะทำงานกันแล้วปล่อยให้คนอื่นมาโขกสับ แล้วก็ บอกตัวเองว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้านายเราพอใจ แล้วให้เงินเดือนเพิ่ม (หรือเปล่าก็ไม่รู้) ต้องไปรักษาหน้าตา และ รองรับอารมณ์ คนอื่น มาทั้งวัน....

พอกลับมาถึงครอบครัว เรารักษาน้ำใจคนใกล้ตัวเราบ้างหรือเปล่าครับ

อยากให้ลองปรับตัวเองนิดนึงนะครับ คือ อย่าไปหวังเศษเงินเดือนที่จะเพิ่มจากใครก็ไม่รู้ สู้เราให้ความสุข กับคนใกล้ตัวเรา หรือ ตัวเราเองดีกว่า ได้ผลกลับมาทันทีไม่ต้องรอประเมินผลงานปลายปีด้วย เราดีไป เขาก็ดีตอบ เขาก็มีความสุข....รักตัวเองและ คนใกล้ตัวให้มากขึ้นกันเถิดครับ

Macadamia Nut รสวาซาบิ ของดอยตุงเชียวนะเอ้า









































WASABI MACADAMI NUTS : จำไม่ได้ว่ากี่บาท รู้สึกจะ 50 กว่าบาทแน่ะ แบบว่านับเม็ดได้เลยนะ แต่ก็คืออารมณ์อยากกินนะครับ เดินไปซื้อตรง ดอยตุง
ถ้าใครทำงานแถวสีลม ร้าน Golden Place อยู่ชั้นใต้ดิน ของตึก CP Tower น่ะครับ
ร้านนี้นะ เด็ดเลยอีกอย่างที่ขอแนะนำนะครับ คือ ข้าวโพดต้มครับ หวานสุด ๆ ไม่รู้เขาใส่น้ำตาลลงไปด้วยหรือเปล่าอ่ะครับ คือ มาเทียบกับร้านข้างถนน นะ หวานผิดกันจริง ๆ ในดอยคำ ฝักละ 10 บาทมั้งครับ ซื้อขึ้นไปกินเล่น แก้ง่วงตอนบ่ายใน office ก็ดีนะครับ แนะนำครับผม
ปล. ไม่ได้ค่าโฆษณานะเอ้า แค่เล่าสู่กันฟังครับ